บีโอไอผนึก กกร.ติดอาวุธผู้ประกอบการไทย อัดเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันพร้อมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำยกระดับธุรกิจ

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เข้าหารือบีโอไอ บูรณาการความร่วมมือกับสถาบันการเงิน เร่งยกระดับผู้ประกอบการไทย โดยบีโอไอให้เงินทุนสนับสนุนผ่านกองทุนเพิ่มขีดฯ รายละไม่เกิน 100 ล้านบาท พร้อมเสริมสภาพคล่องด้วยวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคาร

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าพบหารือกับบีโอไอ เพื่อร่วมกันผลักดัน “มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” ซึ่งเป็นมาตรการที่บีโอไอจะให้ เงินสนับสนุนผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ แก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่บีโอไอจับมือ กกร. เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงินร่วมกับการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน

“มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” จะให้เงินสนับสนุนแก่นิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยถ้าเป็นผู้ประกอบการทั่วไป มีเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่กรณีเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียน ในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท โดยหากเป็นการวิจัยและพัฒนา จะได้รับเงินสนับสนุนร้อยละ 50 ของเงินลงทุนจริงในโครงการ และหากเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งการปรับเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมสีเขียว จะได้รับเงินสนับสนุนร้อยละ 30 ของเงินลงทุนจริงในโครงการ แต่หากมีการใช้เครื่องจักรที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 สัดส่วนเงินสนับสนุนจะเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ของเงินลงทุนจริงในโครงการ โดยเงินสนับสนุนสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม

การให้เงินสนับสนุนในครั้งนี้ บีโอไอได้ทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อบูรณาการเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ เป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนตามเงื่อนไขแล้ว บางรายอาจมีปัญหาสภาพคล่อง สมาคมธนาคารไทยจึงเข้ามาช่วยพัฒนาสินเชื่อระยะสั้น (Bridging Loan) พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามโครงการ โดยบีโอไอจะร่วมกับ กกร. จัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักเกณฑ์ของมาตรการอย่างถูกต้องและสามารถจัดทำข้อเสนอได้ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด

นอกจากนี้ บีโอไอและ กกร. ยังได้หารือแนวทางความร่วมมือภายใต้โครงการ Reinvent Thailand โดยบูรณาการเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ กับมาตรการของสถาบันการเงินและองค์กรเอกชน เพื่อสร้างพลังในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อได้ตรงเป้าหมายและสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ PromptBiz เพื่อช่วยยืนยันข้อมูลการลงทุนและสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ได้คล่องตัวขึ้น การพัฒนามาตรฐานข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานรัฐและเอกชนสามารถใช้รหัสอ้างอิงประเภทธุรกิจที่สอดคล้องกัน ตลอดจนการสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และซัพพลายเออร์ในประเทศ เพื่อให้เกิดการยกระดับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นต้น

#บีโอไอ #กกร #ข่าววันนี้  #BOI

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมว.อุตสาหกรรม “ธนกร” นำทัพลุย มหาสารคาม! เปิดคอร์ส “ดันอาชีพเสริม สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐิกิจให้ชุมชน” ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
  • พฤศจิกายน 22, 2568

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำทีมลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เปิดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “ดันอาชีพเสริม สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชุมชน” ครั้งที่ 3 เพื่อสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองมหาสารคามและพื้นที่ใกล้เคียง

Continue reading
สทร. ร่วมกับ Blue Engineering (อิตาลี) ลงพื้นที่ประเมินห่วงโซ่อุปทานระบบรางไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการออกแบบกระบวนการผลิตรถไฟสู่มาตรฐานยุโรป ในประเทศไทย
  • พฤศจิกายน 13, 2568

สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. นำโดยทีมพัฒนาผู้ประกอบการ เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางของไทยจากการพึ่งพาการนำเข้า สู่การยกระดับขีดความสามารถในประเทศอย่างยั่งยืน

Continue reading